วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552

น่ารู้ เรื่องยาเลื่อนประจำเดือน

สาว ๆ อาจรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ หากวันที่จะต้องเดินทางไกล ไปเที่ยวทะเล ไปเข้าค่าย หรือวันสำคัญในชีวิต คือ วันแต่งงาน แล้วบังเอิญเป็นช่วงประจำเดือนมาพอดี

ดังนั้นหลายคนจึงต้องวางแผน ด้วยการไปซื้อ "ยาเลื่อนประจำเดือน" มากินล่วงหน้า แต่อย่างว่าคนไม่เคยใช้ ก็ย่อมวิตกกังวลเป็นธรรมดา ว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรตามมาหรือเปล่า

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.นพ.อภิชาติ จิตต์เจริญ ภาควิชาสูติศาสตร์ - นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยา ลัยมหิดล บอกว่า ยาเลื่อนประจำเดือน ถ้ามีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียว เรียกว่า "แบบเดี่ยว" แต่ถ้าเป็น “แบบผสม” จะมีทั้งโปร เจสโตเจนและเอสโตเจนรวมกัน ซึ่ง "แบบผสม" อาจมีผลข้างเคียงมากกว่า โดยทั่วไปที่ใช้กันอยู่จึงเป็นชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนตัวเดียว

ปกติการใช้ยาเลื่อนประจำเดือนจะไม่ใช้กันพร่ำเพรื่อ จะใช้ลักษณะชั่วครั้งชั่วคราว ในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เช่น ต้องเดินทางไปท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมสำคัญ ๆ โดยต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

วิธีการใช้ จะต้องกินยาล่วงหน้าอย่างน้อย 4-5 วัน หรือ 1 สัปดาห์

เพราะถ้าไปกินในช่วงวันใกล้มีประจำเดือนอาจจะไม่ได้ผล กินยาวันละ 2 เม็ด ตอนเช้าและตอนเย็น ติดต่อกันในขนาดที่กำหนด แต่ไม่ควรเกิน 10-14 วัน เพราะการใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอย และรอบเดือนมาผิดปกติได้ เมื่อหยุดยาแล้ว ประจำเดือนจะไม่มาทันที อีกประมาณ 2-3 วันต่อจากนั้น ประจำเดือนจึงจะมาตามปกติ

สำหรับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการกินยาเลื่อนประจำเดือน เช่น

บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เป็นบางเวลา หรือ อาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอย ส่วนผลข้างเคียงอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรน่ากลัว ถือว่ามีความปลอดภัย บางคนที่เคยกินยาเลื่อนประจำเดือนบอกว่า ผลข้างเคียงของยาทำให้รอบเดือนแปรปรวน ?

ศ.นพ.อภิชาติ กล่าวว่า ก็อาจเกิดขึ้นได้ จากระดับฮอร์โมนที่ร่างกายได้รับเข้าไป ด้วยเหตุนี้จึงไม่แนะนำให้ใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน

นอกจากยาเลื่อนประจำเดือนออกไปแล้ว มียาเลื่อนประจำเดือนให้เร็วขึ้นหรือไม่ ? ศ.นพ.อภิชาติ กล่าวว่า ก็มี แต่การเลื่อนเข้ามาจะยากกว่า ส่วนใหญ่จะไม่ทำกัน โดยมากจะเลื่อนประจำเดือนออกไปมากกว่า โดยในการเลื่อนประจำเดือนเข้ามานั้น จะให้กินยาเม็ดคุมกำเนิด พอหยุดยา เลือดก็จะออกมา

ไม่มีความคิดเห็น: