วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Update! กระแสสุขภาพปี 2009 กันเถอะ

วันนี้ขอเกาะกระแสหมอดูมาฟันธง เรื่องของแนวโน้มการดูแลตัวเองมาฝากคุณๆ กันบ้าง โดยเฉพาะเรื่องกระแสการดูแลสุขภาพความงาม มาดูกันซิว่า ปีหน้าฟ้าใหม่ อะไรจะมาแรงงงง
1.นวัตกรรมใหม่ แผลเล็ก เจ็บน้อย ถือเป็นพัฒนาการทางวงการแพย์ที่จะสามารถสร้างความพึงพอใจสูงสุด คือ ทำแล้วเห็นผลชัดเจน แต่เจ็บตัวน้อยกว่า คุณจึงมักจะได้ยินคำว่าแผลเล็ก เจ็บน้อย ใช้เวลาไม่นาน ฟื้นตัวเร็ว ฯลฯ จากวงการแพทย์ในช่วง 12 ปีหลังมานี้บ่อยมาก ในขณะที่นวัตกรรมก็ได้รับการพัฒนาออกมาเรื่อยๆ
2.หมดยุคการผ่าตัดและการรักษาที่ยุ่งยาก จากบทความในนิตยสาร New Beauty ของสหรัฐอเมริกา ฉบับประจำฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ปี 2008 ระบุว่า การผ่าตัดเพื่อความงามบางประเภท เช่น การผ่าตัดดึงหน้า มีแนวโน้มลดน้อยลงเรื่อยๆ ทว่า ตัวเลขที่ลดลงนี้ไม่ได้หมายความว่าสาวๆ เลิกห่วงสวย แต่เป็นเพราะมีทางเลือกอื่นแทน เช่น การใช้เทคโนโลยี "เทอร์มาจ" กระชับผิวหน้าควบคู่ไปกับการ "ฉีดโบทอกซ์ยกหน้า" ซึ่งเทรนด์การใช้เทคโนโลยีผสมผสานกันเพื่อการรักษาจะได้เห็นผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ ก็เป็นอีกหนึ่งกระแสที่กำลังมาแรง
3.มินิเฟซลิฟต์ หรือการยกกระชับหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด ได้รับการคอนเฟิร์มว่าจะมาแรงแซงโค้งแน่ๆ ในปีหน้า ทั้งนี้เพราะบรรดาสาวๆ ยุค "เบบี้บูม" หรือสาวๆ ที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมีอายุย่างเข้าสู่วัย 50 ปี ผิวหน้าก็ชักจะเริ่มหย่อนคล้อย เกิดอาการหน้าห้อย หน้าตกกันมากขึ้น จึงคาดกันว่าชาว "เบบี้บูม" เหล่านี้จะเลือกทำ "มินิลิฟต์" ที่ได้ผลใกล้เคียงการทำศัลยกรรม แต่เจ็บตัวน้อยกว่ากันเยอะ และดูเป็นธรรมชาติกว่ากันแทนแน่นอน
4.สาวหุ่นดีคือสาวผอม ถึงแม้จะมีความพยายามต่อต้านนางแบบที่ผอมมากๆ แต่ความผอมก็ยังคงเป็นที่ปรารถนาของสาวๆ ทุกคน
5.ขนตายาวดกหนา เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ "อิน" และยังไม่เอาต์ ล่าสุด มีข่าวออกมาว่า ภายในปีหน้า ราวๆ ช่วงซัมเมอร์ บริษัท อัลเลอร์แกน (บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายโบทอกซ์) จะออกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระตุ้นให้ขนตางอกยาวและหนาขึ้นออกจำหน่าย หลายฝ่ายจึงคาดกันว่าผลิตภัณฑ์นี้จะเป็นที่ต้องการของสาวๆ ทั่วโลก และฮือฮาพอๆ กับโบทอกซ์
6.ผิวขาว เป็นอีกหนึ่งกระแสความงามที่ไม่เคยหนีหายไปไหน ถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีประธานาธิบดีผิวสีแล้วก็เถอะ!!!
7.แอนไทเอจจิง (Anti–Aging) เป็นอีกหนึ่งกระแสสุขภาพที่คาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นในปี 2009 สำหรับแนวความคิดของแอนไทเอจจิงนั้น เน้นที่การ "ป้องกัน" แทนการ "รักษา" กล่าวคือการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ชะลอหรือลดความเสื่อมต่างๆ เพื่อให้โรคภัยไข้เจ็บหรือความเสื่อมถอยมาถึงเราได้ช้าที่สุดหรือน้อยที่สุด ...จะว่าไปแอนไทเอจจิงก็เหมือนคำพังเพยไทยที่ว่า "กันไว้ดีกว่าแก้" นั่นแหละค่ะ
เห็นไหมคะว่า นับวัน นวัตกรรมการดูแลความสวยความงามจะก้าวไกลยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันหนุ่มสาวยุคใหม่ก็หันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้นเช่นกัน ฉะนั้น ถ้าใครไม่อยากตกกระแส อย่าลืมหันมาดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น: